อัลตราไซด์ ( Ultraxide )

รายละเอียดผลิตภัณฑ์ : ZAGRO ULTRAXIDE
ทะเบียนวัตถุอันตรายเลขที่ : กปศ.01 02 49 0045
ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ
ชื่อของสารสำคัญและอัตราส่วนของสารสำคัญ
กลูตาราลดีไฮด์ ( Glutaraldehyde )15% w/v
เบนซาโคเนียนคลอไรด์ ( Benzalkonium chloride ) 10% w/v
ปริมาณสุทธิ 1,000  มล.

ประโยชน์ :
ใช้ฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย ที่พื้นผิว ฝาผนัง โรงเรือน และวัสดุอุปกรณ์ อื่นๆ
- คุณสมบัติ
เป็นยาฆ่าเชื้อประสิทธิภาพสูง สำหรับใช้โรงฟักไข่ โรงเรือน และสำหรับฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต่างๆสามารถออกฤทธิ์กับจุลินทรีย์โรคต่างๆ ทั้งแบคทีเรียรวมทั้งสปอร์ของแบคทีเรีย ไวรัส ทั้งมีปลอก และไม่มีปลอกหุ้ม เชื้อรา โปรโตซัวได้ดี เช่น มัยโคพลาสมา กัมดบโร นิวคาสเซิล

วิธีใช้ :
-โรงเรือนหลังทำความสะอาดแล้ว ผสมอัลตราไซด์ 1 ส่วนกับน้ำ 88 ส่วน แล้วเทราดหรือใช้ผ้าชุบ
 จุ่มผ้าม็อบ หรือฟองน้ำ นำมาเช็ดให้ทั่วบริเวณ หรือส่วนที่ต้องการฆ่าเชื้อ ทิ้งไว้ 10 นาที
 แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

อัลตราไซด์ ออกฤทธิ์ได้ดีในสภาพน้ำกระด้าง สบู่ และสภาพที่มีการปนเปื้อนของสารอินทรีย์วัตถุ เช่น ในคอกสัตว์ที่ไม่สะอาดมีมูลสัตว์อยู่ การพ่นล้อรถก่อนเข้าฟาร์ม อ่างจุ่มเท้าหน้าเล้า เป็นต้น
ขนาดบรรจุ :
- ขนาดขวด             1  ลิตร
- ขนาดแกลลอนร์  4  ลิตร
- ขนาดถัง              20  ลิตร

อัตราส่วน : วิธีใช้
- โรงฟักไข่                           อัตราไซด์  1  ส่วน  ต่อ น้ำ   150  ส่วน
- ห้องเก็บไข่                        อัตราไซด์  1  ส่วน  ต่อ น้ำ   350  ส่วน
- โรงเรือน                            อัตราไซด์  1  ส่วน  ต่อ น้ำ   150  ส่วน
- ห้องซักล้าง                        อัตราไซด์  1  ส่วน  ต่อ น้ำ   150  ส่วน
- เครื่องมือ, อุปกรณ์            อัตราไซด์  1  ส่วน  ต่อ น้ำ   150  ส่วน
- ยานพาหนะ, อ่างจุ่มเท้า    อัตราไซด์  1  ส่วน  ต่อ น้ำ   400  ส่วน
- ถังน้ำดื่มของสัตว์               อัตราไซด์  1  ส่วน  ต่อ น้ำ   3,000  ส่วน

ออกฤทธิ์กว้างทั้งเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก,แกรมลบและเชื้อมัยโคพลาสม่า,เชื้อราและเชื้อไวรัส เชื้อไข้หวัดนกเป็นต้น

- ข้อดี

ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อสูง ออกฤทธิ์ได้รวดเร็ว ฤทธิ์คงอยู่ได้นาน ออกฤทธิ์กับสารอิรทรีย์ได้ดีออกฤทธิ์ได้ในน้ำกระด้างและมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนน้อย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

คำเตือน
1. ห้ามรับประทาน
2. ระวังอย่าให้เข้าตา หรือถูกผิวหนัง หรือสูดดม
3. ขณะใช้ควรสาวมถุงมือยาง รองเท้ายาง และหน้ากาก เพื่อป้องกันไม่ให้สารเข้มข้นถูกผิวหนังและกระเด็นเข้าตา และภายหลัง
การใช้หรือหยิบจับควรล้างถุงมือยาง รองเท้ายาง หน้ากาก และมือ ด้วยน้ำหรือสบู่ทุกครั้ง
4. ห้าม ทิ้ง อัลตราไซด์หรือภาชนะบรรจุที่ใช้แล้วลงในแม่น้ำ คู คลอง และแหลงน้ำสาธารณะ 
5. ภาชนะบรรจุ เมื่อใช้เสร็จแล้วให้ล้างด้วยน้ำ 3 ครั้ง ก่อนทำลายแล้วฝังดิน หรือรวมทิ้งให้ปลอดภัย

อาการเกิดพิษ :
ระคายเคืองตาอย่างรุนแรง หากสัมผัสถูกผิวหนังเป็นเวลานานสามารถ
ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและเกิดผิวหนังอักเสบหากกลืนกิน
ทำให้คลื่นใส้ อาเจียน และท้องเสีย หากสูดดมจะระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ น้ำมูกไหล ไอ และเจ็บหน้าอก

วิธีแก้พิษเบื้องต้น :
1. หากถูกผิวหนังให้ล้างออกด้วยน้ำจำนวนมากๆ หากเปื้อนเสื้อผ้าให้รีบถอดออก แล้วล้างด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้ง
2. หากเข้าตาให้รีบล้างออก แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดจนอาการระคายเคืองทุเลา หากไม่ทุเลาให้รีบไปพบแพทย์
3. หากได้รับพิษจากการสูดดมให้รีบนำผู้ป่วยออกไปยังบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
4. หากกลืนกิน อัลตราไซด์ ห้ามทำให้อาเจียน ให้ดื่มน้ำหรือนมปริมาณมากๆ แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันทีพร้อม
ด้วยภาชนะบรรจุ ฉลาก หรือใแทรกของ อัลตราไวด์

วันที่ผลิต : (ข้างขวด)
ผู้ผลิต  : บริษัท ซาโกร (ประเทศไทย)  จำกัด
ทะเบียนวัตถุอันตรายเลขที่ กปศ. 01 02 49 0045

Microorganism posses major challenges to livestock health and productivity. Choosing a good and effective sanitation and biosecurity program helps save unnecessary costs spent on vaccination, and prevent problems such as inaccurate diagnosis and stress-related complications due to vaccination. 

Ultraxide is a high performance, broad-spectrum disinfectant formulated to provide maximum protection against disease challenges.

Ultraxide provides control over viruses as well as pathogenic bacteria, mycoplasma and fungi. Independent tests proved that Ultraxide is effective against all 17 virus families affecting both man and animals. Ultraxide is suitable for use in animal farms and equipments, in hatcheries, processing plants and even for general-purpose disinfection.


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อลมหนาวโชยมา  อาการหวัดก็เริ่มแพร่ระบาด  เหมือนกับว่าโรคหวัดเป็นโรคที่มาพร้อมกับลมหนาวเลยทีเดียว  ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น  เรามาติดตามดูกันดีกว่านะคะว่า  โรคหวัดกับลมหนาวสัมพันธ์กันอย่างไร

หวัด  เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง  ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในอากาศเย็นและอากาศชื้น   
  เชื้อไวรัสเป็นเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กที่สุด  ติดต่อกันได้ทางการไอ  จาม น้ำมูก น้ำลาย  เมื่อร่างกายอ่อนแอ  เจ้าเชื้อไวรัสก็จะโจมตีร่างกายเราทันที  โดยลำดับแรกที่โจมตีคือระบบทางเดินหายใจของเรานั่นเอง

เชื้อไวรัสแบ่งออกเป็น 9 ชนิด  แต่ละชนิดยังแบ่งออกเป็นอีกหลายสายพันธ์  เมื่อรวมทั้งหมดแล้วมีเชื้อไวรัสเป็นร้อยสายพันธ์ที่เดียว  แต่ละสายพันธ์ก็มีผลทำให้เกิดอาการต่าง ๆ กับร่างกาย (ขึ้นอยู่กับความอ่อนแอของร่างกายด้วย) และเนื่องจากเชื้อไวรัสมีหลายสายพันธ์  จึงไม่มีวัคซีนป้องกันโรคหวัด  (ถ้ามี ดิฉันคงต้องฉีดทุกปีแน่)
อาการของโรคหวัด มีตั้งแต่อาการเล็กน้อยแค่น่ารำคาญ  ปานกลาง  จนกระทั่งถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว  เช่น  บางรายอาจแค่ ไอ  จาม  คัดจมูก  น้ำหมูกไหล  มีไข้เล็กน้อย  บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ  เจ็บคอ  คออักเสบ  เสียงหาย (เช่นดิฉัน)  หรือบางรายอาจมีไข้สูง  ปวดศีรษะอย่างแรง  คลื่นไส้อาเจียน (คุณหมอบอกว่าเป็นหวัดลงกระเพาะ)   แต่อาการหวัดที่หนักหนาที่สุด  คงเป็นการไอ  ไอถี่ทุกห้าหรือสิบนาที  ไอมากจนเจ็บหน้าอกหรือเหนื่อย  ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นโรคปอดอักเสบได้   บางรายอาจมีอาการหูอื้อ  บ้านหมุน  เป็นผลมาจากเยื่อจมูกอักเสบมากจนอาจมีผลให้เยื่อหูชั้นกลางอักเสบตามไปด้วย
ถ้ามีอาการรุนแรงมาก ๆ แนะนำว่าควรรีบไปพบแพทย์  เพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ  ดังกล่าว  เนื่องจากโรคหวัดไม่อาจรักษาได้  แต่สามารถบรรเทาอาการต่างๆ ที่เป็นผลมาจากโรคหวัดได้ 
เมื่อโรคหวัดรักษาไม่หาย  เพราะเชื้อไวรัสไม่มียาฆ่า (แม้จะมีผู้พยายามคิดค้นกันขนาดไหนก็ตาม)   แต่ร่างกายของเราจะใช้ภูมิต้านทานทำให้โรคหวัดหายไปได้เอง
การปฏิบัติตนเมื่อเป็นหวัด
1. พักผ่อนให้เพียงพอ   หรือให้มากที่สุด  สรุปง่าย ๆ คือพยายามหาเวลานอนพักให้มาก ๆ นั่นเอง
2. ทำร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ  ใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับภูมิอากาศ 
3. หลีกเลี่ยงอากาศเย็น ๆ  เช่น ห้องแอร์  บริเวณที่มีลมพัด  การดื่มน้ำเย็น หรือการอาบน้ำเย็น เป็นต้น
4. ทานอาหารที่ย่อยง่าย  หลีกเลี่ยงอาหารมัน เผ็ด  หรืออาการที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น ถั่ว  น้ำอัดลม ฯลฯ
5. ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thaiclinic.com/medbible/commoncold.html